Month: June 2021

GHOST LAB หนังผีวิทย์ดีจริง หรือตามกระแส

เรียกว่ากลับมาได้สมศักดิ์ศรีค่ายยักษ์ใหญ่อย่าง GDH ที่ก่อนหน้านี้ได้สร้างสรรค์ผลงานภาพยนตร์ รวมไปถึงซีรีส์ชื่อดังมากมาย และล่าสุดเมื่อประมาณวันที่ 26 พฤษภาคม 2564 ที่ผ่าน GDH ก็กลับมาทวงบัลลังก์ภาพยนตร์สยองขวัญสายวิทย์เรื่อง GHOST LAB ฉีกกฎทดลองผี

ที่ในครั้งนี้เกิดจากการร่วมมือครั้งใหญ่ระหว่าง GDH และสตรีมมิ่งระดับโลกอย่าง Netflix ที่เปิดให้รับชมพร้อมกับทั่วโลก โดยผู้กำกับฝีมือดีอย่าง กอล์ฟ – ปวีณ ภูริจิตปัญญา เจ้าของผลงานบอดี้ศพ19, 4 แพร่ง และ 5 แพร่ง เสริมทัพด้วยนักแสดงแถวหน้าของไทย ต่อ – ธนภพ ลีรัตนขจร, ไอซ์ – พาริส อินทรโกมาลย์สุต และ ณิชา – ณัฏฐณิชา ดังวัธนาวณิชย์ ฯลฯ

GHOST LAB ฉีกกฎทดลองผีล้ำเส้นหลังความตาย

เรื่องนี้เส้นเรื่องถูกออกแบบมาได้คมสุด ๆ เพราะที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่ายังไม่เคยมีค่ายไหน ๆ เอาเรื่องหลังความตายมาถ่ายทอดแบบถึงรรสถึงชาติขนาดนี้มาก่อน ที่เกิดขึ้นมาจากการ ‘เวิร์กช็อป’ ที่ต่างจังหวัดของผู้กำกับ ที่เกิดเป็นคำถามว่า หากคนที่ไม่กลัวไปเจอผีแล้วไม่วิ่งหนี แต่กลับเดินไปถามผีว่า “โลกหลังความตายมีจริงไหม หน้าตามันเป็นอย่างไร” แทนจะเป็นยังไง นั่นจึงกลายเป็นแรงบันดาลใจของ 2 หมอคู่หู (ต่อ-ไอซ์) ที่จะพาผู้ชมล้ำเส้นหลังความตายไปพร้อม ๆ กัน

อีกทั้งนี่ยังถือเป็นการรับบทบาทสำคัญครั้งใหญ่ของ ต่อ – ธนภพ ลีรัตนขจร ที่ต้องรับบทเป็น ‘หมอวี’ ที่ถือเป็นบทที่ท้าทาย ต้องปรับทั้งลุค ทั้งคาแร็กเตอร์ ทั้งยังได้ไปเวิร์กช็อปกับหมอจริง ๆ ที่โรงพยาบาลเพื่อจะเข้าถึงบทบาท ที่สำคัญคาแร็กเตอร์ของหมอวียังแตกต่างไปจากตัวจริง ๆ ของต่อ แถมความคิดก็ยังประหลาด นั่นยิ่งทำให้เขาเอานิสัยตัวเองมาวัดกับความเป็นหมอวีได้ง่ายขึ้น

ในส่วนของไอซ์เองก็นับเป็นงานหินอีกเหมือนกัน เขารับบทเป็น ‘หมอกล้า’ ที่มีความเป็นผู้ใหญ่ ที่นอกจากไอซ์จะต้องอัพไซซ์ตัวเองให้ดูตัวโตขึ้นแล้ว ความคิดความอ่านก็ต้องใส่อินเนอร์ลงไปแบบจัดเต็ม ในส่วนของณิชาแม้จะปรากฎตัวเพียงไม่กี่ฉาก แต่เธอคนนี้แหละที่เป็นคีย์แมนสำคัญของการทดลองสุดท้าทาย!

GHOST LAB ฉีกกฎทดลองผี เริ่มต้นมาดีแต่ตายตอนจบ

หากใครที่ได้ดูทีเซอร์ของเรื่องนี้คงจะตั้งความคาดหวังเอาไว้ในระดับสูงสุดเป็นแน่ เพราะด้วยเส้นเรื่องที่แปลกใหม่ ปลูกฝังให้ตัวละครไม่กลัวสิ่งลี้ลับ ไม่กลัวอันตราย แถมยังอยากรู้อีกด้วยว่าผีมีจริงไหม ซึ่งถือว่าเป็นผลงานที่แฟน ๆ หนังผีไทยต่างเฝ้ารอคอยมาตลอด

เรื่องนี้ปูพื้นมาแบบแน่นเอี๊ยด บอกเล่าเรื่องราวของคู่หูหมอของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ที่ต้องการรู้ว่า ‘โลกหลังความตาย’ มีจริงหรือไม่ พยายามทดลอง ทดสอบ และเก็บผลงานวิจัยทุกอย่างเอาไว้ รอวันที่จะเปิดเผยเรื่องนี้ให้กับคนทั่วไปได้รับรู้

แต่ท้ายที่สุด GHOST LAB ฉีกกฎทดลองผี ก็ทำคนดูผิดหวัง เพราะตัดจบด้วย ‘รูปแบบเดิมๆ’ ไม่สมกับเส้นเรื่องที่ขีดเขียนมาแบบหนาเตอะ อีกทั้งตัวละครอย่าง ใหม่ รับบทโดยณิชาที่มีความสัมพันธ์กับหมอกล้า ก็ไม่ค่อยมีฉากอะไรออกมา นั่นนับเป็นข้อด้อยที่ทำให้คนไม่รู้สึกอินกับตัวละครนี้มากเท่าไหร่

แม้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะใส่รสชาติใหม่ ๆ ลงไป อย่างการสืบสวน การหาความจริง หรือรสชาติอื่น ๆ ที่ภาพยนตร์เรื่องไหน ๆ ก็ไม่เคยทำ แต่มันก็ยังทำให้คนดูรู้สึก ‘อิหยังวะ’ อยู่ไม่น้อย เพราะด้วยความไม่สมเหตุสมผลบางอย่าง การนำเรื่องต่าง ๆ มายำรวมกัน หรือการตัดจบแบบเดิม ๆ เลยทำให้คนที่คาดหวังต้องผิดหวังเป็นธรรมดา

แต่หากตัดเรื่องข้อเสียดังกล่าวออกไป GHOST LAB ฉีกกฎทดลองผี ก็ถือเป็นอีกรสชาติหนังที่ควรเสพอยู่ เพราะด้วยบทบาทการแสดงของนักแสดงนำ การนำเสนอเรื่องราวในตอนต้น ตลอดจนฉากผีที่ไม่ได้เว่อวังจนต้องหัวใจวาย ก็ถือเป็นอีกหนึ่งมิติหนังผีแนวใหม่ ที่ควรค่าแก่การรับชม ไม่แน่ในอนาคตเราอาจจะได้เห็นหนังแนวใหม่ อย่างการพนัน บาคาร่า 1688 หรืออะไรทำนองนี้ฉายอยู่บนหน้าจอก็ได้ ใครจะไปรู้

ซีรีส์วายได้การยอมรับจากคนดู เพราะเนื้อเรื่อง หรือเพราะอะไร?

ในยุคนี้ซีรีส์ที่กำลังมาแรงและเห็นกันได้แบบเกลื่อนบ้านเกลื่อนเมือง คงหนีไม่พ้น ‘ซีรีส์วาย’ อย่างแน่นอน แต่ถึงแม้ว่าหลาย ๆ ค่ายจะเริ่มออกผลงานซีรีส์วายมากเท่าไหร่ แต่กระแสความนิยมก็ไม่ได้ถอยหลังไปเลยสักนิดเดียว นั่นกลับยิ่งเพิ่มจำนวนประชากรที่ต้องการเสพทั้งตัวผลงาน ตลอดจนตัวนักแสดง

ซึ่งตอนนี้ต้องยอมรับอย่างหนึ่งเลยว่าสังคมเรื่องความหลากหลายทางเพศในประเทศไทยเริ่มเปิดกว้าง เราไม่ได้กำหนด 2 เพศแบบตายตัว แต่ยังมาพร้อมกับความหลากหลาย ทำในสิ่งที่อยากทำ ทั้งการแสดงออก ความรัก สังคม ฯลฯ นั่นยิ่งทำให้กระแสของซีรีส์วายกลายเป็นที่ยอมรับได้อย่างรวดเร็ว

ซีรีส์วายต้องการเปิดกว้าง หรือเพียงแค่เสิร์ฟความฟินเท่านั้น?

เมื่อกระแสซีรีส์วายเริ่มกลายเป็นที่นิยม หนังไทยซีรีส์ไทยก็มักวนอีหรอบเดิม ด้วยการส่งต่อคอนเท้นต์แบบซ้ำ ๆ ซึ่งเห็นได้จากการที่ซีรีส์วายมักจะบอกเล่าเรื่องราวภายในโรงเรียนหรือรั้วมหาวิทยาลัย พร้อมวนเวียนอยู่เพียงไม่กี่คณะ หนึ่งในนั้นก็เป็นคณะวิศวกรรม ไม่ก็แพทย์

บางคนอาจมองว่านี่เป็นเพียงการตลาดและเป็นการสร้างจุดขายซีรีส์วายเท่านั้น แต่สำหรับตัวผู้เขียนเองกลับมองว่า หากเราเป็นผู้ผลิตความบันเทิง เราก็ต้องการเจาะตลาดของคนที่ให้ความสนใจ และในเมื่อยุคนี้ซีรีส์วายกำลังขายได้ แล้วมันมีเหตุผลใดอีกที่จะไม่ผลิตซีรีส์แนวนี้ออกมา?

แต่หากมองอีกมุมทำไมซีรีส์วายส่วนใหญ่ จึงได้นำชายจริงหญิงแท้มาเป็นตัวนำหลัก แต่กลับนำกลุ่ม LGBTQ ไปเป็นตัวประกอบเพื่อสร้างสีสันเท่านั้น? หากเป็นแบบนี้นักแสดงนำทุกคนจะสามารถสื่อความเข้าใจไปถึงจุดไหน หรือที่ทำไปเพราะเม็ดเงินมันหวานหอม? นั่นยิ่งทำให้คนดูบางกลุ่มเกิดข้อสงสัยว่าเหตุผลที่แท้จริงของการทำซีรีส์เพื่อต้องการเปิดกว้างเรื่องเพศ หรือทำเพื่อส่งต่อกระแสการตลาด

LINE เปิดผลสำรวจ คนดูซีรีส์วายเป็นผู้หญิงมากถึง 78%

และข้อสงสัยเหล่านี้ก็อยู่กับคนกลุ่มนี้ไม่นาน เพราะช่วงปี 2020 ที่ผ่านมา LINE Insights ที่เป็นทีมวิจัยและเก็บข้อมูลพฤติกรรมผู้บริโภคสังกัด LINE ประเทศไทย ได้เปิดเผยผลการศึกษา Y Economy ว่าเนื่องจาก LINE TV เป็นแพลตฟอร์มที่มีการนำเสนอคอนเท้นต์เกี่ยวกับซีรีส์วาย (ผู้ชมซีรีส์วาย 80% รับชมทาง LINE TV) โดยคนชมซีรีส์วายเป็นเพศหญิงมากถึง 78%

โดยคนกลุ่มนี้มีความหลากหลายทางช่วงอายุ ตั้งแต่ 15-40 ปี รายได้เฉลี่ยจะอยู่ที่ระดับ A ที่แสดงให้เห็นว่าเป็นกลุ่มคนที่มี ‘กำลังซื้อ’ นั่นจึงทำให้นักการตลาดดีดนิ้วดังเป๊าะ! ว่าทำไมกระแสซีรีส์วายถึงพุ่งกระฉูด และทำไมในยุคนี้ต้องมีซีรีส์แบบนี้ออกมาแบบไม่ขาดสาย

เพราะผู้ชมกลุ่มนี้นอกจากจะเสพผลงานซีรีส์ผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ แล้ว พวกเธอยังยินดีที่จะได้ครอบครองสินค้าแบรนด์ต่าง ๆ ที่ตัวละครนำของซีรีส์เรื่องนั้น ๆ เป็นพรีเซนเตอร์ หรือแม้แต่โฆษณา คอนเท้นต์ หรือคลิปไลฟ์สดต่าง ๆ ที่มีใบหน้าของพวกเขาปรากฏอยู่ ก็ยังสามารถเป็นตัวดึงดูดให้แฟนคลับเข้ามา Join ได้อีกด้วย

นั่นยิ่งเหมือนกับการเปิดประตูให้กับแบรนด์ต่าง ๆ ดึงตัวนักแสดงไปเป็นพรีเซนเตอร์ พร้อมกับเป็นสปอนเซอร์ให้แบบไม่อั้น ดังเห็นได้จากซีรีส์เรื่องต่าง ๆ มักจะมีผลิตภัณฑ์สินค้า Tie-in อยู่ หรือบางเรื่องก็ให้นักแสดงสัมผัส วางจัดฉาก ตลอดจนการใช้จริง (ตัวอย่างผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม) ซึ่งนั่นถือเป็นช่องทางการตลาดที่มีมาตลอด และแน่นอนเลยว่ามันคงจะเป็นแบบนี้ไปอีกนาน

มาถึงตรงนี้เราไม่ได้กล่าวหาว่าซีรีส์วายเป็นสิ่งไม่ดี เราเพียงเปิดอีกหนึ่งมุมมองให้กว้างมากขึ้นเท่านั้น ท้ายที่สุดแล้วทุกอย่างก็ถูกสร้างมาเพื่อความสุข เพื่อความบันเทิงใจ ให้กับแฟน ๆ ที่รอติดตาม หากคุณอยากซัพพอร์ตศิลปินแบบไม่อั้นลองมีบาคาร่า 1688 เป็นตัวช่วยก็ดีเหมือนกันนะ

รักใช่ไหมที่หัวใจต้องการ I Need Romance ซีรีส์รักต่างวัย

ซีรีส์ในไทยถูกถ่ายทำขึ้นมาหลายเรื่อง บางเรื่องก็เป็นซีรีส์แนวใหม่ที่ไม่เคยถูกฉายที่ไหนมาก่อน แต่ก็มีซีรีส์อยู่ไม่น้อยที่อิงมาจากนวนิยายชื่อดัง ตลอดจนซีรีส์ต่างประเทศที่ได้รับความนิยม อย่างล่าสุดกระแสซีรีส์ที่กำลังแรงหนาหูในตอนนี้ ที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ก็คงเป็นการประชันบทบาทครั้งใหญ่ระหว่างนักแสดงต่างรุ่นอย่าง แพนเค้ก และนิว ที่ถูกถ่ายทอดเรื่องราวความรักต่างวัยกันใน รักใช่ไหมที่หัวใจต้องการ I Need Romance

การประชันบทบาทครั้งสำคัญของ แพนเค้ก – นิว

นี่ถือเป็นการเจอกันครั้งใหญ่ระหว่าง แพนเค้ก-เขมนิจ จามิกรณ์ (รับบทณใจ) และนิว-ฐิติภูมิ เตชะอภัยคุณ (รับบทอาลาน) ซึ่งซีรีส์เรื่องนี้เป็นผลงานของทางฝั่งบริษัท ทรู ซีเจ ครีเอชั่นส์ ที่โดดเด่นในเรื่องการนำซีรีส์จากทางฝั่งเกาหลี มาปรุงรสชาติใหม่ให้ถูกใจคนไทย

โดยก่อนหน้านี้ก็ได้มีซีรีส์น้ำดีเรื่องอื่น ๆ ออกมามากมาย ทั้ง Voice สัมผัสเสียงมรณะ, OMG ผีป่วนชวนมารัก, Tunnel ปริศนาล่าข้ามเวลา และเรื่องล่าสุด รักใช่ไหมที่หัวใจต้องการ I Need Romance ที่ได้มีการดัดแปลงมาจากซีรีส์ชื่อดังอย่าง I Need Romance 3

รักใช่ไหมที่หัวใจต้องการ I Need Romance เป็นซีรีส์โรแมนติกคอมเมดี้ที่บอกเล่าเรื่องราวความรักต่างวัย และต้องขอชื่นชมเลยว่าทางฝั่งผู้กำกับ และคนที่เกี่ยวข้องได้แคสติ้งนักแสดงออกมาได้ดีมาก ๆ เพราะในเรื่องจะพูดถึงนางเอกสาว Working Woman สวย เก่ง ฉลาด ที่เบื่อหน่ายชีวิตรักเพราะความผิดหวัง ส่วนพระเอกก็เป็นโปรดิวเซอร์หนุ่มเจ้าของเพลงดังระดับโลก

ซึ่งหากพูดถึงคาแร็กเตอร์ของตัวละครหลัก ที่ได้เอาแพนเค้กและนิวมาประกบกัน ก็บอกได้คำเดียวว่า ‘กลมกล่อมที่สุด’

เปิดตัววันแรกขึ้นเทรนด์ทวิตเตอร์ทันที!

ด้วยความที่ฐานแฟนคลับของแพนเค้กกับหนุ่มนิวแน่นพอสมควร เรื่องกระแสก็คงไม่ต้องพูดถึงว่าเป็นที่รอคอยของคนมากขนาดไหน แต่หากซีรีส์ไม่ดีจริง ไม่เริสจริง ก็คงไม่ขึ้นเทรนด์ทวิตเตอร์อย่างแน่นอน ซึ่งเปิดตัววันแรกไปเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน ที่ผ่านมา ก็ทำเอาสาวน้อยสาวใหญ่อยากเป็น ณใจกันไปตาม ๆ กัน

เพราะด้วยออร่าความขาวกระฉูดของหนุ่มนิว บวกกับบุคลิกที่ต้อง Keep look เป็นหนุ่มนอกพูดไทยไม่ชัด ก็ทำออกมาได้น่ารักแบบสุด ๆ ที่สำคัญฝีมือการแสดงของสาวแพนเค้กก็เป็นที่เลื่องลืออยู่แล้ว ว่าผลงานความรักในครั้งนี้เธอจะทำออกมาได้เริสขนาดไหน!

ซึ่งเรื่องนี้เป็นการบอกเล่าเรื่องราวความรักระหว่าง ณใจ หรือ จุ๊บแจง สาวผู้แข็งแกร่ง ที่มีเหตุให้ต้องพบรักกับหนุ่มรุ่นน้องอย่าง อาลาน ที่เธอเคยเป็นพี่เลี้ยงเมื่อ 17 ปีก่อน ที่ตอนนี้กลายเป็นโปรดิวเซอร์หนุ่มผู้โด่งดัง เขาได้กลับมาทำตามคำสัญญาที่เคยให้กับเธอไว้ว่าจะมาหา พร้อมใช้ชีวิตร่วมกัน

แต่นางเอกสาวของเราเมื่อโตขึ้นมุมมองต่าง ๆ ก็เริ่มเปลี่ยนไป เธอแข็งแกร่งมากเกินไป ไม่อ่อนโยนเหมือนณใจคนเดิมที่อาลานเคยรู้จัก และไม่ว่าณใจจะเปลี่ยนไปแค่ไหน แต่อาลานคนนี้ก็ยังคงอินและยังคลั่งรักเธอมาตลอด โดยหวังว่าสักวันเธออาจจะมองเห็น (เอ็นดู)

I Need Romance เสริมกองทัพนักแสดงอีกเพียบ

ซึ่งซีรีส์ รักใช่ไหมที่หัวใจต้องการ I Need Romance ยังมาพร้อมกับนักแสดงมากความสามารถคนอื่น ๆ เข้ามาร่วมสร้างสีสัน อาทิ  มิ้นท์ – มิณฑิตา วัฒนกุล, เทมส์ สรรพกิจ, น้ำหวาน – กรรณาภรณ์ พวงทอง, เป๊ก – เปรมณัช สุวรรณานนท์, เป๊ปเปอร์ – ภานุโรจน์ เฉลิมกิจพรทวี, แคทย่า – คัทรียา เทพชาตรี และอื่น ๆ อีกมากมาย

ต้องบอกเลยว่าซีรีส์เรื่องนี้ออนแอร์ไปได้เพียงแค่ 2 ตอน แต่กระแสกลับดีเกินคาด ซึ่งหากใครที่อยากเอาใจลุ้นเชียร์กับเรื่องราวความรักก็สามารถรับชมได้ทุกวันจันทร์และอังคาร เวลา 20.00 น. ทางช่อง True Asian Series HD (ช่อง 120, 239) ผ่านหน้าจอทีวีหรือรับชมทางออนไลน์ได้ที่ TrueID+ และ Netflix นะคะ

เสพติดซีรีส์มากไป ทำไมถึงไม่ใช่เรื่องดีกันนะ?  

ละครชุดหรือซีรีส์ถือเป็นอีกหนึ่งกระแสที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทยเองก็มีซีรีส์ต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย ที่สำคัญไม่ได้มีเพียงแค่ซีรีส์ในไทยเท่านั้นที่ฮ็อตฮิต แต่ยังมีซีรีส์ต่างประเทศเข้ามาสร้างสีสันให้กับการใช้ชีวิตเยอะมาก

และด้วยกระแสที่แรงดีไม่มีตกจึงทำให้หลาย ๆ คนเกิดอาการเสพติดซีรีส์ คลั่งไคล้ ถึงขั้นที่เวลาที่ควรนอนกลับไม่นอน แต่เวลาที่ไม่ควรนอนกลับอ่อนเพลียมากกว่าเก่า ซึ่งหากใครที่กำลังประสบกับปัญหานี้บอกเลยว่าไม่ใช่เรื่องดีแน่ ๆ เพราะนั่นนอกจากจะทำให้ระบบในร่างกายทำงานผิดปกติแล้ว มันยังส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของคุณอีกด้วย

Binge Watching ภัยร้ายที่ส่งผลต่อร่างกายและสมอง

หลาย ๆ คนอาจจะเคยเห็นคำว่า Binge Watching ผ่านหูผ่านตากันมาบ้างแล้ว ซึ่งความหมายของคำนี้จริง ๆ ทางโรงพยาบาลเพชรเวช ได้ระบุเอาไว้ว่า เป็นพฤติกรรมของคนที่เสพติดการดูซีรีส์มากจนเกินไป ดูตั้งแต่เวลากลางคืนจนถึงตอนเช้า โดยไม่ได้พักผ่อนสายตา ร่างกาย และสมองอย่างที่ควรเป็น

ซึ่งสาเหตุที่ทำให้คุณยอมอดหลับอดนอน มาจากการที่ฮอร์โมน Corticotropin-Releasing Hormone หลั่งออกมาเมื่อเกิดอาการตื่นเต้นหรือสงสัย จะเกิดขึ้นได้เยอะในช่วงท้าย ๆ ที่ซีรีส์ทิ้งปมบางอย่างเอาไว้ แต่เมื่อคุณยอมที่จะอดหลับอดนอนเพื่อดูถึงเช้าจนซีรีส์จบ ร่างกายก็จะหลั่งฮอร์โมน Dopamine ที่เป็นฮอร์โมนแห่งความสุข ทำให้รู้สึกดี และเกิดความผ่อนคลาย

แต่แน่นอนเลยว่าหากคุณปล่อยให้ร่างกายของคุณทำงานเป็นวัฏจักรแบบนี้ ทั้งสมอง ร่างกาย และสภาพจิตใจของคุณจะไม่เกิดผลดีด้านบวกแน่นอน ซึ่งผลกระทบจาก Binge Watching มีดังนี้

• เวลาพักผ่อนไม่เพียงพอ : ก็แน่นอนล่ะ คุณเล่นลากยาวไปจนถึงเช้าแบบนี้ ย่อมส่งผลให้ร่างกายเกิดความเหนื่อยล้าสะสม และหากปล่อยไว้มันก็จะเป็นประตูสำคัญที่เปิดต้อนรับ ‘โรคร้าย’ แล้วยิ่งบวกกับคุณชอบดื่มแอลกอฮอล์ ชอบกินของจุกจิก และไม่ออกกำลังกาย ภัยร้ายอย่างโรคอ้วนก็จะมาถึงคุณได้เช่นกัน
• กระทบต่อกิจวัตรประจำวัน : เมื่อคุณเริ่มพักผ่อนไม่เป็นเวลา มันย่อมส่งผลกระทบต่อเรื่องอื่น ๆ เช่น การทำงาน การเรียน การรับประทานอาหาร แถมยังรู้สึกเพลียระหว่างวันจนไม่อยากทำอะไรนอกจากนอนอีกด้วย
• ระวัง Computer Vision Syndrome จะถามหา : โรคนี้มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับสายตา ซึ่งหากเราใช้สายตาจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งมากเกินไป ก็มักเกิดอาการตาล้า ปวดตา ตาพร่ามัว ทั้งยังมีอาการปวดหัวร่วมตัวเนื่องจากระบบประสาทตาเชื่อมต่อกับสมองนั่นเอง

คนทั่วโลกเริ่มมีพฤติกรรม Binge Watching กันมากขึ้น

หลายคนเลือกที่จะดูซีรีส์เพื่อหลีกหนีปัญหาบางอย่าง ทั้งเรื่องการเรียน การทำงาน ปัญหาคู่รัก ทะเลาะเบาะแว้ง ฯลฯ ซึ่งในปี 2017 ทาง Netflix ได้มีการเปิดเผยว่ามีประชากรมากกว่า 5 ล้านคน (อังกฤษ) ที่สามารถชมซีรีส์ทั้งซีซั่นย้ำว่าทั้งซีซั่นให้จบได้ภายใน 24 ชั่วโมง! ซึ่งเทียบในปี 2013 พบว่าตัวเลขของคนที่มีความสามารถนี้มีเพียงแค่ 2 แสนคนเท่านั้น

และเชื่อว่าในปัจจุบัน 2021 มีประชากรทั่วโลกที่สามารถรรับชมซีรีส์ได้ต่อเนื่องมากกว่า 5 ล้านคนแน่นอน นอกจากนี้เจสัน ลินซ์ ยังเคยเขียนบทความให้กับ Quartz อีกว่า Netflix มีสูตรตายตัวที่จะทำให้ผู้ชมคิดถึงรายการ หรือซีรีส์เรื่องนั้น ๆ ไปตลอดทั้งซีซั่น โดยจะเน้นเส้นเรื่องหลักที่มีความแข็งแรง ไม่รีบเฉลย พร้อมทิ้งปมที่เป็นจุดเชื่อมโยงไปยัง Part ต่อไป

ซึ่งแน่นอนเลยว่ามันได้ดีผลดีเกินคาด เพราะความรอไม่ได้ของคนจึงทำให้ยอมที่จะสละเวลา 5 – 6 ชั่วโมงเพื่อดูซีรีส์แบบยาว ๆ และเกิดประโยคสุดฮิต ‘ตอนเดียวไม่มีอยู่จริง’ อีกทั้งตัวละครบางตัวก็ไม่จำเป็นจะต้องโผล่มาตลอดทั้ง Part เพียงโผล่มาแค่บางฉากบางตอน หรือทิ้งท้ายด้วยใบหน้าของตัวละครนั้น ๆ เอาไว้ ก็สามารถสร้างความต้องการในการชมต่อไปได้แล้ว

แต่หากคุณเสพติดซีรีส์แต่รู้จักที่จะ Manage เวลาตัวเองให้เป็น รู้ว่าเวลาไหนควรนอน เวลาไหนควรทานข้าว หรือเวลาไหนควรพักผ่อนสมองเพื่อดูซีรีส์ แน่นอนเลยว่าอาหาร Binge Watching จะไม่ถามหาคุณอย่างแน่นอน เพราะเรื่องสุขภาพเป็นเรื่องใหญ่ ดังนั้นบริหารเวลาตัวเองให้เป็น แบ่งเวลาไปขยับร่างกาย เลือกทำประกันสุขภาพบ้าง ก็จะช่วยให้คุณอุ่นใจและหายกังวลกับโรคต่าง ๆ ได้มากเลยล่ะ

ฉลาดเกมส์โกง ภาพยนตร์ไทยที่ได้รับเสียงชื่นชมจากต่างชาติ

หากพูดถึงภาพยนตร์น้ำดีที่ตีแผ่สังคมการเรียนของเด็กไทย ‘ฉลาดเกมส์โกง’ จะต้องติดหนึ่งในลิสต์ภาพยนตร์นั้นไปแบบไม่ต้องสงสัย เพราะด้วยเนื้อเรื่องที่สุดเข้มข้น ทั้งลุ้น ระทึก นั่งดูจนก้นไม่ติดเบาะ บวกกับทักษะการโกงที่ล้ำหน้าจนใคร ๆ ก็คาดคิดไม่ถึง ที่สำคัญยังได้รวบรวมเอานักแสดงมากความสามารถมาตีบทบาทได้แบบกระจุยกระจาย

กระแสดีขนาดไหนคงไม่ต้องพูดถึง เพราะภาพยนตร์ฉลาดเกมส์โกงได้โกอินเตอร์ไปหลายประเทศ แถมยังมีแว่ว ๆ มาอีกด้วยว่าเราอาจจะได้เห็นฉลาดเกมส์โกงในเวอชั่นฮอลลีวู้ดเลยทีเดียว

GDH ค่ายหนังดีที่ไม่ทำให้ผิดหวัง

ซึ่งเรื่องนี้แน่นอนเลยว่าต้องยกความดีความชอบให้กับค่ายยักษ์ใหญ่ไฟแรงอย่างค่าย GDH ค่ายดีมีคุณภาพ ที่ไม่ว่าจะสร้างหนังขึ้นมากี่เรื่อง กี่แนว ก็มักจะเป็นที่คาดหวังของแฟน ๆ ชาวไทยอยู่เสมอ สำหรับเรื่องฉลาดเกมส์โกงแม้จะเป็นภาพยนตร์ที่มีความยาวเพียงแค่ 2 ชั่วโมง แต่ก็เป็น 2 ชั่วโมงที่อัดแน่นไปด้วยเนื้อหา อาจมีช่องโหว่หรือไม่มีความสมเหตุไปบ้าง แต่หากมองข้ามจุดนั้นไปก็ถือว่าเพอร์เฟ็คเกือบ ๆ 100% เลยล่ะ

สำหรับเรื่องนี้จะพูดถึงการโจรกรรมข้อสอบ อ่านไม่ผิดค่ะโจรกรรมข้อสอบของนักเรียนระดับชั้นมอปลาย ที่แรกเริ่มเดิมทีก็เป็นแค่การลอกข้อสอบเพื่อสอบผ่านในรายวิชาต่าง ๆ ผ่านการว่าจ้างของกลุ่มเพื่อนเท่านั้น แต่สุดท้ายเรื่องนี้กลับไม่ได้หยุดนิ่งแค่ข้อสอบภายในโรงเรียน แต่มันยังนำพาไปสู่การโจรกรรมข้อสอบวัดความรู้ระดับชาติ STIC ซึ่งหากตีความหมายจริง ๆ คือข้อสอบ SAT นั่นแหละ

โดยเรื่องนี้ตัวละครเอกที่เรียกเก่งมากๆ ในตอนแรกก็ไม่ยอมทำหรอก แต่ด้วยก้อนโตที่วางเดิมพันเอาไว้ กลับทำให้พวกเขายอมที่จะ ‘โกง’ เพื่อการเอาคืนและเพื่อให้ได้มันมา ซึ่งเรื่องนี้นอกจากจะช่วยให้คุณได้ร่วมลุ้นไปกับกลโกงที่สุดปังแล้ว มันยังช่วยให้คุณได้เบิกเนตรเห็นสภาพความเป็นจริงในการศึกษาไทยมากขึ้นอีกด้วย

และแน่นอนเลยว่าด้วยกระแสตอบรับที่ดีเกินความคาดหมาย นั่นจึงทำให้ GDH ต้องการสานฝันในการชมกลโกงของเหล่าแฟน ๆ ซึ่งในครั้งนี้ก็ได้เดินทางมาสู่ซีรีส์ฉลาดเกมส์โกง ที่ไม่ได้ปรับเปลี่ยนแค่เนื้อหาบางส่วนเท่านั้น แต่ยังได้มีการปรับเปลี่ยนทีมนักแสดงแบบยกเซ็ต แต่ก็ยังคงมีชื่อของตัวละครหลัก ๆ ปรากฏอยู่

จากภาพยนตร์ฉลาดเกมส์โกง เดินทางสู่ซีรีส์ ดีจริงหรือ?

เนื้อเรื่องของซีรีส์ก็ด้นตามแพลนภาพยนตร์เดิมที่เคยวางเอาไว้ แค่มีความยืดเยื้อ มีการอธิบาย และใส่รสชาติอื่น ๆ เข้ามาเสริมทัพบ้างเล็กน้อย แต่โดยส่วนตัวคิดว่าด้วยความที่ภาพยนตร์มีความกระชับกว่า เข้าใจง่ายกว่า และตัดจบได้น่าประทับใจกว่า คะแนนซีรีส์เลยน้อยกว่าภาพยนตร์อยู่สักนิด

แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่ในการรับชม เพราะท้ายที่สุดซีรีส์ก็ได้สอนคนดูและเบิกเนตรคนดูอีกครั้ง ให้รู้ซึ้งและเข้าใจความเหลื่อมล้ำของการศึกษาไทย ที่เริ่มมาตั้งแต่การยอมจ่าย ‘แป๊ะเจี๊ยะ’ เพื่อให้ได้เข้าไปเรียนในโรงเรียนดี ๆ สภาพแวดล้อมดี ๆ ตลอดจนการได้ทุนการศึกษา ก็ต้องแลกมาด้วยความเก่ง ความดี และการเรียนที่หนักเท่านั้น

หรือจะพูดด้วยภาษาบ้านๆง่ายๆเลยก็คือต้องเรียนให้เก่งและทำงานที่มีเกียรติเท่านั้น จึงจะสามารถเลื่อนระดับชั้นทางสังคมได้ ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทุก ๆ วันนี้สังคมไทยกำลังเป็นแบบนั้นอยู่ และมันก็เป็นแบบนั้นมาตลอด

และด้วยความที่หนังไทยไม่สามารถแสดงความดาร์กออกมาได้ทั้งหมด ซีรีส์ฉลาดเกมส์โกงจึงตัดจบด้วยฉากจริยธรรม ซึ่งนั่นทำให้คนดูหลายคนถึงกับงงว่าตัดจบแบบนี้จริง ๆ หรือ? และคงเป็นเรื่องเดียวกับการแสดงออกอื่น ๆ ที่ซีรีส์หลายเรื่องไม่กล้าทำ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเพศ ความเท่าเทียม เพศสัมพันธ์ การพนันบาคาร่า 1688 แต่ในตอนนี้โลกเริ่มเปิดกว้างมากขึ้น คนเริ่มกล้าแสดงความคิดเห็นมากขึ้น ซึ่งนั่นอาจจะเป็นชนวนนำพาที่ทำให้ภาพยนตร์ไทยตลอดจนซีรีส์ก้าวหน้าขึ้นก็ได้

วงการหนังไทยฟีเวอร์ จะกลับมาได้อีกหรือไม่

หากย้อนไปราว ๆ 20 ปีก่อน ภาพยนตร์ไทยถือว่าได้รับกระแสที่ดีทั้งจากคนไทยไปจนถึงคนต่างชาติ ซึ่งเห็นได้จากตัวเลขของรายได้ที่มีมาก และนับว่าเป็นความรุ่งเรืองที่ไม่เคยมีใครคาดคิดมาก่อนว่าในตอนนี้วงการภาพยนตร์ไทยกำลังดำดิ่งลึกลงไปแบบกู่ไม่กลับ

ซึ่งในช่วงยุคหนังไทยฟีเวอร์ จะมีภาพยนตร์หลากหลายแนวออกมาให้เราได้ทำความรู้จัก และเฝ้ารอคอยที่จะติดตามมันอยู่เสมอ อาทิ ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ ภาพยนตร์ระทึกขวัญที่สามารถเข้ามาเขย่าประสาทคนได้ทุกเพศทุกวัย หรือภาพยนตร์ที่แสดงออกศิลปะการต่อสู้ของไทยอย่าง องก์บาก แต่หลังจากนั้นกระแสภาพยนตร์ไทยกลับไม่สู้ดีนัก แล้วภาพยนตร์ไทยจะเป็นไปในทิศทางไหนกันแน่?

เหตุใดภาพยนตร์ไทยจึงย่ำอยู่กับที่?

ซึ่งจากความประสบผลสำเร็จของผู้สร้างในภาพยนตร์ 2 เรื่องที่เราได้กล่าวไป เราก็ปฏิเสธไม่ได้อีกว่าหลังจากความสำเร็จนั้นเกิดขึ้น ก็มักจะมีหนังประเภทเดียวกัน แนวคิดเหมือนกัน หักมุมเหมือนกันออกมาฉายให้เห็นแบบเกลื่อนตลาด และแน่นอนเลยว่าหากเราเป็นผู้ชม การได้ชมหนังที่สามารถคาดเดาตอนต่าง ๆ วนเวียนมาถึงฉากซ้ำ ๆ ก็คงทำให้เราขยาดจนไม่อยากเสพมันต่อ

หรือเรียกง่าย ๆ ว่าเกิด ‘การสร้างสูตรสำเร็จ’ ขึ้นมา เป็นวงจรของหนังไทย ที่เริ่มอย่างไรก็ขอให้จบอย่างนั้น หรือเริ่มเรื่องไม่เหมือนกันแต่ตอนจบดันเหมือนกันซะงั้น นั่นก็ทำให้เกิดความจำเจของเนื้อหา และทำให้ผู้ชมหมดความศรัทธาและความเชื่อมั่นต่อหนังไทยในเรื่องต่อ ๆ ไป

เมื่อไม่มีแนวคิดใหม่เกิดขึ้น แต่ใจของผู้สร้างก็ยังคงต้องการที่จะดันผลงานของตัวเองอยู่ ท้ายที่สุดก็สามารถเดาตอนจบของภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เลยว่า ‘ขาดทุน’ ‘กำไรน้อย’ ‘ไม่ประสบความสำเร็จ’

หรือจริง ๆ หนังไทยดีแต่ไม่มีคนผลักดัน

ซึ่งหลังจากที่วงการหนังไทยเงียบเหงามานาน ในปีพ.ศ.2556 ภาพยนตร์ไทยก็กลับมายิ้มหน้าบานได้อีกครั้ง จากการประสบความสำเร็จของ พี่มาก..พระโขนง หนังผีตลกที่ได้มีการดัดแปลงเนื้อเรื่องตำนานหนังไทยสุดหลอนอย่าง นางนาก มาสร้างสรรค์ใหม่ให้มีความคอมเมดี้ และแน่นอนเลยว่าด้วยแนวคิดใหม่ ๆ ที่นำมาผสมผสานกับเนื้อหาที่คนดูพอรู้อยู่แล้ว ทั้งยังรวบรวมนักแสดงมากฝีมือมาร่วมแสดง ท้ายที่สุดภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ได้กวาดรายได้ทั้งในไทยและต่างประเทศไปอย่างท่วมท้นเลยทีเดียว

แต่หลังจากนั้นก็วนเข้าสู่ลูปเดิม ที่ภาพยนตร์ไทยย่ำแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเรื่องนี้ทางเครือข่ายผู้ประกอบวิชาชีพภาพยนตร์ เชื่อว่าการที่โรงภาพยนตร์ในไทยมีเพียงแค่ 2 รายใหญ่ที่ผูกขาด ทำให้มีการเลือกสรรเวลาในการฉายแบบไม่พอดี

โดยเราจะเห็นได้ชัดเลยว่าเมื่อมีหนังทำเงินจากฮอลลีวูดเข้ามา โรงภาพยนตร์มักจะจัดรอบฉายพร้อม ๆ กัน หรือไม่ก็เป็นรอบฉายเวลาไล่เลี่ยกัน โรงติดกัน ซึ่งนั่นเท่ากับว่ามีที่ว่างเหลือให้ภาพยนตร์ไทยแบบน้อยนิด เครือข่ายดังกล่าว จึงได้มีการยื่นข้อเสนอ ‘การแบ่งสัดส่วนการฉายภาพยนตร์ไทยที่เหมาะสม’ จาก พ.ร.บ. ภาพยนตร์และวิดีทัศน์ ฉบับ พ.ศ. 2551 หมวด 1 มาตรา 9 วรรค 5 ที่มีการใช้ แต่ใช้แบบไม่จริงจัง

ถึงเวลาแล้วที่หนังไทยควรปรับเปลี่ยนรูปแบบรับวิกฤตใหม่

ซึ่งแน่นอนเลยว่า ณ ขณะนี้การแพร่ระบาดของโควิด-19 ถือเป็นอีกหนึ่งคลื่นลูกใหญ่ที่กำลังโหมกระหน่ำซัดมาที่วงการหนังไทย เนื่องจากโรงภาพยนตร์ส่วนใหญ่ยังคงต้องปิดให้บริการ ประกอบกับเว็บอินเทอร์เน็ตหรือเว็บสตรีมมิ่งต่าง ๆ เริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้น นั่นยิ่งทำให้การรับชมหนังของคนกลายเป็นเรื่องที่ง่ายกว่าเดิม

ดังนั้นจึงถึงเวลาแล้วที่ผู้สร้างหนังไทยควรที่จะปรับเปลี่ยนรูปแบบการนำเสนอให้มีความน่าสนใจมากขึ้น ปรับเปลี่ยนคอนเทนต์ ฉีกกฎเดิม ๆ ที่มีอยู่ อัดแน่นคุณภาพของภาพยนตร์ลงไปแบบไม่มีกั๊ก หรือหากต้องการจะสร้างหนังที่ตีแผ่โลกมืด ความเป็นจริง สังคม การพนัน หรือแม้แต่การสมัครบาคาร่า ออนไลน์ ที่กำลังเป็นที่นิยม ก็สร้างสรรค์ออกมาอย่างเต็มเม็ดเต็มด้วย เพื่อให้ถูกจริตและถูกใจความต้องการของคนในปัจจุบัน